Category Archives: ท่องเที่ยว

กำแพงเบอร์ลิน

europe-0020

ผมเชื่อเหลือเกินครับว่าหากใครก็ตามที่ได้มีโอกาสไปทริปทัวร์ยุโรปแถวๆ ประเทศเยอรมันย่อมต้องไม่พลาดที่จะไปเยี่ยมชมกำแพงแห่งประวัติศาสตร์ที่ในอดีตใช้คั่นกลางในการแบ่งประเทศเยอรมันออกเป็น 2 ประเทศได้แก่เยอรมันตะวันออกและเยอรมันตะวันตก ใช่แล้วครับผมจะหมายถึงกำแพงไหนไปไม่ได้หากไม่ใช่ “กำแพงเบอร์ลิน”

               กำแพงเบอร์ลินในอดีตนั้นถือได้ว่าเป็นกำแพงเดียวในโลกที่ขวางกั้นคนเชื้อชาติเดียวกันประเทศเดียวกันไม่ให้ได้พบเจอหรือพูดคุยกันถือได้ว่าเป็นกำแพงวิปโยคที่สุดในประวัติศาสตร์ของหมู่มวลมนุษยชาติตราบเท่าที่เคยมีมาซึ่งขากประวัติศาสตร์แล้วนั้นกำแพงเบอร์ลินได้สร้างขึ้นในช่วงหลังจากเยอรมันพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่สองและแบ่งประเทศเยอรมันออกเป็นสองประเทศย่อย ซึ่งวัตถุประสงค์ในการสร้างกำแพงเบอร์ลินนั้นก็เพื่อที่จะปิดกั้นพรมแดนเบอร์ลินตะวันตกออกจากเยอรมนีตะวันออกที่โอบล้อมอยู่โดยรอบ

               กำแพงเบอร์ลินนี้ได้ขวางกั้นไม่ให้คนที่อยู่ในแต่ละฝั่งของประเทศผ่านข้ามแดนเข้ามาเป็นระยะเวลายาวนานถึง 28 ปี ก่อนที่จะได้มีการทำสนธิสัญญาข้อตกลงร่วมกันและทำลายกำแพงกั้นลงในปี พ..2532

               ก่อนที่กำแพงเบอร์ลินจะถูกทำลายลงนั้นการลักลอบข้ามแดนจากเยอรมันตะวันออกไปเยอรมันตะวันตกหรือจากเยอรมันตะวันตกไปยังเยอรมันตะวันออกถือเป็นความผิดร้ายแรงที่สุดถึงขั้นประหารชีวิตซึ่งมีผู้ลักลอบผ่านแดนเป็นจำนวนมากต้องเสียชีวิตลงจากการพยายามลักลอบผ่านแดนข้ามกำแพงวิปโยคนี้ไปโดยปัจจุบันคงเหลือไว้แต่เพียงซากกำแพงที่เคยเป็นที่ระลึกว่าครั้งหนึ่งกำแพงแห่งนี้เคยมีความสำคัญอย่างไร

               ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวที่ไปทัวร์ยุโรปและประเทศเยอรมันมากหน้าหลายตาต่างมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกโดยมีฉากหลังเป็นซากปรักหักพังของกำแพงเบอร์ลินอยู่ตลอดเวลาเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งมนุษยชาติถึงประวัติศาสตร์การกีดกั้นอิสรภาพของมวลมนุษย์ที่เคยมีมาในอดีตและนักท่องเที่ยวยุโรปบางรายอาจเลือกซื้อของที่ระลึกที่เกี่ยวข้องกับกำแพงเบอร์ลินนี้ไปฝากคนที่บ้านอีกด้วยครับ

Victoria Peak

hongkong-0018

เมื่อพูดถึงฮ่องกงแล้วคนที่ไม่เคยไปทัวร์ฮ่องกงอาจจะคิดว่าย่านที่สวยที่สุดของฮ่องกงมีแค่หาดรีพัลส์เบย์เท่านั้นแต่ในความเป็นจริงแล้วฮ่องกงยังมีสถานที่สวยๆ งามๆ อีกแห่งหนึ่งที่บรรดาคนที่เคยไปทัวร์ฮ่องกงมาแล้วต่างแวะไปเยี่ยมเยียนและชื่นชมความงามกันอย่างไม่ขาดสายด้วยเช่นกันซึ่งสถานที่แห่งนี้ชาวฮ่องกงและนักท่องเที่ยวทั่วโลกเรียกกันว่า Victoria Peak ครับ

               Victoria Peak หรือ ไท่ผิงซานติ่ง ในภาษาจีนนั้น ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดของเกาะฮ่องกงโดย Victoria Peak นั้นเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของเกาะฮ่องกงโดยมีความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 552 เมตร

จุดเด่นของ Victoria Peak ที่นักท่องเที่ยวและบรรดาทัวร์ฮ่องกงสามารถสัมผัสได้ก็คือเราสามารถมองเห็นทัศนียภาพและบรรยากาศทั้งหมดของเกาะฮ่องกงได้ทุกมุมแบบ Panorama 360 องศารวมไปถึงยังสามารถชื่นชมวิวทิวทัศน์ของอ่าววิคตอเรียและบรรดาตึกระฟ้ารอบอ่าวได้อีกด้วย

ในแต่ละวันจะมีผู้คนมากหน้าหลายตาทั้งคนฮ่องกงเองและชาวต่างประเทศที่ไปทัวร์ฮ่องกงมักแวะมาถ่ายรูปและเก็บภาพบรรยากาศบน Victoria Peak นี้อยู่ตลอดเวลาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามค่ำคืนสถานที่แห่งนี้จะมีการแสดงแสดงสีเสียงอันตระการตาที่เรียกกันว่า “Symphony Of Lights” ให้นักท่องเที่ยวได้ชมซึ่งต้องเรียกได้ว่ามีความสวยงามยิ่งนักไม่แพ้การแสดงแสงสีเสียงที่มีชื่อประเทศออสเตรเลียเลยครับ

การเดินทางมายัง Victoria Peak แห่งนี้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาได้โดยสะดวกทั้งทางรถประจำทาง รถไฟและกระเช้าลอยฟ้า

เทศกาลวันวาเลนไทน์ในประเทศญี่ปุ่น

japan-0018

ใกล้จะเข้าเดือนกุมภาพันธ์แล้ว แต่ก็ยังคงหนาวอยู่เลย พูดถึงเดือนกุมภาพันธ์คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็คงนึกถึงวันวาเลนไทน์ แล้วคนไทยล่ะคะ?  ถ้ากำลังคิดจะพาคนรักคนรู้ใจไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น  ทัวร์ญี่ปุ่นก็มีเรื่องราวน่าสนใจของเทศกาลวันวาเลนไทด์ของชาวญี่ปุ่นมาฝากจ้ะ

ประวัติของวันวาเลนไทน์นั้นมีมาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมัน ว่ากันว่าเป็นวันสาบานความรักระหว่างชายและหญิง ในส่วนของชาวตะวันตกนั้น ก็จะมีการมอบการ์ด ดอกไม้ และของขวัญต่างๆ ให้แก่คนรักหรือคนที่เรารู้สึกดีด้วย ประเทศไทยเองก็คงไม่ต่างกันแต่ที่ประเทศญี่ปุ่นวันวาเลนไทน์เป็นวันที่ผู้หญิงมอบช็อคโกแลตให้แก่ผู้ชายเท่านั้น ที่นี่มีวัฒนธรรมแบบนี้

เพราะเมื่อญี่ปุ่นใกล้เข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์ ทั้งห้างสรรพสินค้าและซุปเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ ก็จะนำเอา    ช็อคโกแลตวาเลนไทน์มากมายออกมาวางขาย รายการโทรทัศน์ก็จะมีการพูดถึงวันวาเลนไทน์ ตามสถานที่ต่างๆ ก็จะจัดให้มีงานอีเว้นท์ที่เกี่ยวกับวันวาเลนไทน์มากมาย เรียกได้ว่ามองไปทางไหนก็เจอแต่เรื่องราวของ              วันวาเลนไทน์     ตามสถิติพบว่าประเทศญี่ปุ่นมีการขายช็อคโกแลตมากกว่า 4 แสนล้านเยนต่อปี โดยที่ 10 % ในนั้นจะขายดีในช่วงวาเลนไทน์นั่นเอง ดูเหมือนว่าช็อคโกแลตจะเป็นอะไรที่อยู่คู่กับวันวาเลนไทน์ตัดกันไม่ขาดทั้งๆ ที่เดิมทีก็เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดของบริษัทขนม แต่เราก็อดซื้อไม่ได้ทุกทีเลยเมื่อถึงเทศกาล

สำหรับสาวๆญี่ปุ่นแล้ว นี่เป็นโอกาสที่เหมาะมากๆ ในการสารภาพความในใจกับคนที่เราชอบ โดยการมอบช็อคโกแลตให้แก่ชายหนุ่มผู้นั้น ไม่ว่าจะซื้อมาหรือลงมือทำเองตกแต่งให้สวยงาม ช็อคโกแลตที่มอบให้กับคนที่ชอบจะเรียกว่า ฮงเมช็อคโก้ 「本命チョコ」 ส่วนช็อคโกแลตที่มอบให้กับหนุ่มที่ทำงาน หรือเพื่อนที่เป็นผู้ชายนั้น เราจะเรียกกันว่า กิริช็อคโก้ 「義理チョコ」เป็นการมอบเป็นพิธีเพื่อตอบแทนน้ำใจตลอดเวลาที่ผ่านมา ราคาก็มีตั้งแต่ 100 เยน จนถึง 1,000 เยน อาจดูว่าไม่แพง แต่ถ้าให้หลายคนก็กระเป๋าฉีกได้เหมือนกันนะ

นอกจากนี้ก็ยังมี โตโมช็อคโก้ 「友チョコ」ที่ซื้อแลกกันเองในหมู่เพื่อนสาว และ โกะโฮบิช็อคโก้ 「ご褒美チョコ」ที่เป็นการซื้อช็อคโกแลตที่แพงเป็นพิเศษเป็นของขวัญให้ตัวเอง ทำไปทำมาดูเหมือนว่าคนญี่ปุ่น จะหมดเงินไปกับการซื้อช็อคโกแลตเยอะเหมือนกันนะ

ถ้าใครได้มีโอกาสไปที่ญี่ปุ่นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ก็ไม่ต้องตกใจนะจ้ะ เพราะคงเห็นแต่ช็อคโกแลตเต็มเกาะญี่ปุ่นไปหมด เพราะที่ประเทศญี่ปุ่นจะมีวัฒนธรรม เรียกว่า ไวท์เดย์ (White Day) เป็นวันที่ฝ่ายชายจะได้มีโอกาสให้ช็อคโกแลตหรือของขวัญกลับคืนแก่สาวๆ บ้าง นั่นก็คือวันที่ 14 มีนาคม ครบ 1 เดือนหลังจากวันวาเลนไทน์นั่นเอง ดูเหมือนประเทศอื่นๆ จะไม่มีวัฒนธรรมนี้

แล้วคนไทยล่ะจ้ะ? ในวันวาเลนไทน์มีคนให้ช็อคโกแลตกันหรือเปล่า? ถ้ายังไม่มีก็ลองหาคนที่นั่งข้างๆก่อนก็ได้

ส่วนมีคู่แล้ว อยากไปสัมผัสบรรยากาศแบบเลิฟๆที่ญี่ปุ่น  ก็อย่าลืมติดต่อทัวร์ญี่ปุ่นได้ทุกเมื่อ  จะซื้อช็อกโกแล็ตมาแจกด้วยก็ไม่ว่ากันจ้ะ

เรียนรู้ภาษาเกาหลีก่อนไปทัวร์

korea-0019

ได้เวลาเตรียมตัวจะเดินทางไปเกาหลีแบบนี้  ทัวร์เกาหลี เลยขอเชิญชวนคุณๆมาเรียนรู้ภาษาเกาหลีวันละคำกัน  รับรองไม่ยากอย่างที่คิดจ้ะ

사랑해요. ซารังแฮโย/ ซารังฮัมนีดา = รัก

좋아해요. โชอาแฮโย = ชอบ

미워해요. มีวอแฮโย = เกลียด

증오해요. ชึงโงแฮโย = รังเกียจ

싫어해요. ชีรอแฮโย = ไม่ชอบ

 고맙습니다. โคมับซึมนีดา = ขอบคุณ

감사합니다. คัมซาฮัมนีดา/ คัมซัมนีดา = ขอบคุณ (สุภาพกว่า)

고마워요. โคมาวอโย ขอบคุณ (สุภาพน้อยกว่า)

미안합니다. มีอันฮัมนีดา = ขอโทษ

죄송합니다. ชเว ซง ฮัมนีดา = ขอโทษ (สุภาพกว่า)

미안해요/ 죄송해요. มีอันแฮโย/ชเว-ซง แฮโย (สุภาพน้อยกว่า)

 화가나요. ฮวากานาโย = โกรธ

나는화가나요นานึน ฮวากานาโย = ฉันโกรธ

화가나요? ฮวากานาโย๊ะ = โกรธหรอคะ

 슬퍼요. ซึลพอโย = เศร้า

기뻐요. คีปอโย = ดีใจ

즐거워요. ชึลกอวอโย = สนุกสนาน

신나요. ซิน*นาโย = ตื่นเต้น (*จริงๆแล้วตัวนี้ต้องออกเสียงกึ่งๆระหว่างซ กับ ช)

우울해요. อูอุลแฮโย = หดหู่/ ซึม

무서워요. มูซอวอโย = กลัว

불안해요. พูรันแฮโย =กังวลใจ วิตก ไม่สบายใจ

 황당해요. ฮวังดังแฮโย = งง/ งุนงง

당황해요. ทังฮวังแฮโย = สับสน/ ทำอะไรไม่ถูก / ลนลาน

만족해요. มันโจแคโย = พอใจ

불만족이에요. พุลมันโจกีเอโย = ไม่พอใจ

실망이예요. ชิลมังงีเอโย = ผิดหวัง

흥분돼요. ฮึงบุน ดเว โย = ตื่นเต้น/ เร้าใจ/ ระทึกใจ

놀랐어요. นลรัซซอโย = ตกใจ/ ประหลาดใจ

행복해요. แฮงบกแคโย = มีความสุข

불행해요. พุลแฮ็งแฮโย = ไม่มีความสุข

외로워요. เวโรวอโย = เหงา

상쾌해요. ซังแควแฮโย = สดชื่น

불쾌해요. พุล-คแว-แฮโย = อารมณ์เสีย

편해요. พย็อนแฮโย = สบาย

억울해요. เสียใจที่ถูกกล่าวหา/ เข้าใจผิด

부끄러워요. พูกือรอวอโย = อาย / เขินอาย

창피해요. ชังพีแฮโย = อาย/ ขายหน้า / เสียหน้า

( เช่น ความรู้สึกเวลาเดินชนกระจก หรือพยายามผลักประตูทั้งๆที่ป้ายเขียนบอกให้เลื่อน น่าขายหน้าจริงๆ)

민망해요มินมังแฮโย = รู้สึกด้อย/ น่าอาย/ น่าอนาถ

( เช่น ความรู้สึกเวลาที่เราคิดว่าเค้าก็ชอบเราชัวร์ก็เลยแสดงท่าทีหรือบอกความรู้สึกของเราออกไปหมด แต่เค้ากลับทำตัวห่างเหินใส่ เราก็แบบว่า เสียหน้าชะมัดเลย )

 힘들어요. ฮิมดือรอโย = ลำบาก

어려워요. ออ รยอ วอโย = ยาก

쉬워요. ชวี วอโย = ง่าย

재미있어요. แชมีอิซซอโย = สนุก/ น่าสนใจ

신비해요. ชินบีแฮโย = ลึกลับ

매력적이에요. แม-รย็อกจ็อกกีเอโย = มีสเน่ห์

감동적이에요. คัมดงจอกีโย = น่าซาบซึ้ง

훌륭해요. ฮุล-รยุงแฮโย = ดีเยี่ยม / ประเสริฐ / น่าชื่นชม / น่ายกย่อง

멋있어요. มอชิซซอโย = ดูดีมีสไตล์ / เท่ห์

예뻐요. เยปอโย = สวย

아름다워요. อารึมดาวอโย = สวย / สวยงาม / งดงาม

귀여워요. ควียอวอโย = น่ารัก

복잡해요. ผกจับแพโย = วุ่นวาย / ยุ่งยาก / ซับซ้อน

단순해요. ทันซุนแฮโย = ง่ายๆ / เรียบง่าย

มาเที่ยวประเพณีสงกรานต์ในพม่ากันเถอะ

Myanmar-019

ปีใหม่มาแล้วไม่ทันไร นี่ก็ใกล้จะหมดเดือนอีกแล้ว ไปๆมาๆอีกไม่เท่าไรก็ใกล้เทศกาลสงกรานต์อีก  สำหรับใครที่ไม่มีแผนออกไปเล่นน้ำที่ไหน  ทัวร์พม่า  เชิญชวนให้คุณลองเปลี่ยนบรรยากาศมาเที่ยวชมประเพณีสงกรานต์ที่ประเทศเพื่อนบ้านเรา  ที่ประเทศพม่ากันดูบ้าง

         โดยชาวพม่านั้นถือว่างานสงกรานต์เป็นประเพณียิ่งใหญ่ในรอบปีเรียกว่า ธิงจัน (Thingyan)  ในวันนี้ประชาชนมีเสรีภาพเต็มที่ และที่ทำให้สงกรานต์พม่ามันส์สุดๆก็เพราะจะมีการตั้งเวทีรอบๆทะเลสาปกันตอจี  เรียกได้ว่าเป็นมหกรรมดนตรีของพม่าเลยก็ว่า บรรดาห้างร้าน สินค้าดังๆจะแข่งกันตั้งเวที แสง สี เสียง บริษัทไหนเงินหนาก็จะได้ศิลปินดังของพม่ามาแสดงบนเวที เรียกแฟนเพลง หรือดีเจชื่อดังมาเปิดเพลงมันส์ๆเวทีเขามีเยอะจนนับไม่ถ้วน ใครชอบดนตรีแนวไหนก็ไปตามเวทีนั้น บนเวทีจะมีการสูบน้ำจากทะเลสาบกันตอจี  และสายยางฉีดน้ำเป็นร้อยๆเส้น และฉีดใส่ประชาชนที่เต้นกันอยู่ข้างล่าง เหมือนฝนตก เรียกได้ว่าสนุกจริงๆ เขาระเบิดความมันส์กันตั้งแต่เช้าไปจนกระทั้งพักเที่ยง จากนั้นก็ระเบิดความมันส์กันต่อ จนเหนื่อยกันไปข้างหนึ่งเอาซิเต้นไหวเต้นไปเล้ย…3วันเท่านั้นที่จะได้สนุกสนานแบบนี้ จะกินเหล้าเมาขนาดไหนทำไปเลยตามสบายรัฐบาลไม่หวงห้าม แต่อย่ามีเรื่อง อย่าเล่นสงกรานต์แบบพิเรน อย่าลวนลามหญิง อย่าหาเรื่องทะเลาะต่อยตี เด็ดขาด  สงกรานต์ที่พม่าเลยสนุกด้วยเสียงเพลงและการเต้นรำที่สนุกสนาน ด้านดีที่ยังพอมีอยู่บ้างของระบอบเผด็จการทหารอันเลวร้าย คือการควบคุมไม่ให้วัฒธรรมประเพณีอันดีงามผิดเพี้ยนไปอย่างน่าเกลียด ในขณะที่ข้อเสียเล็กๆของระบอบเสรีประชาธิปไตย คือการปล่อยให้อะไรๆที่เลยเถิดไร้ขอบเขตยังลอยนวลอยู่ได้สบายใจ

         หลังจากผ่านสงกรานต์ที่เล่นกันแบบบ้าคลั่ง แต่งตัวกันสุดๆ จนหลุดโลก พอเช้าวันที่ 17 เมษายน ชาวพม่าตั้งแต่เด็กๆไปกระทั่งคนหนุ่ม คนสาว คนเฒ่าคนแก่ ทั้งหลายก็จะขึ้นไปสักการะเจดีย์สำคัญๆของแต่ละเมืองทั่วพม่า ที่ย่างกุ้งก็จะเป็นเจดีย์ ชเวดากอง ภาพที่เห็นจะต่างจากวันสงกรานต์ ผู้คนจะนุ่งสโหร่ง ผ้าถุง แต่งกายสวยงามด้วยชุดที่หลากหลายสไตส์พม่ากันอย่างพร้อมเพียบกันสวยงามจริงๆ ทำให้ทึ่งในวัฒธรรมที่แข็งแกร่งของพม่าไม่ว่าความทันสมัยจะเข้าไปประเทศพม่ามากมายแค่ไหน แต่คนในชาติยังคงหวงแหนวัฒธรรมของชาติตัวเองอย่างแข็งแกร่ง ตำนานสงกรานต์ของพม่าไม่มีนางสงกรานต์เหมือนเมืองไทย กล่าวว่าเหตุกำเนิดของสงกรานต์เป็นด้วยกรณีท้าวมหาพรมโต้ปริศนาพ่ายพระอินทร์ ท้าวมหาพรมจึงถือสัจจะตัดเศียรตนเอง แต่ด้วยเกรงว่าเศียรของท้าวมหาพรมจะต้องตกลงพื้นโลกจนเป็นกาลวิบัติ พระอินทร์จึงกำหนดให้นางฟ้า 7 องค์ผลัดเปลี่ยนหน้าที่อัญเชิญเศียรท้าวมหาพรมไว้ทุกรอบปี และพม่ายังมีความเชื่ออีกว่า ในช่วง 3 วันสงกานต์พระอินทร์จะลงมาเยือนโลกมนุษย์ กำหนดลงมาในวันแรกสงกรานต์เรียกว่า ตะจังจ๊ะแนะ และจะกลับวิมานในวันสิ้นสุดสงกรานต์ที่เรียกว่า ตะจังแต๊ะเนะ และเล่ากันว่าขณะที่พระอินทร์เสด็จลงมายังโลกมนุษย์ พระองค์จะนำบัญชีทอง บัญชีหนังหมาลงมาด้วย เพื่อมาบันทึกความดี ความชั่วของผู้คน กล่าวกันไว้ว่าผู้ใดสร้างคุณความดีก็จะถูกบันทึกไว้บัญชีทอง หากใครสร้างอกุศลชื่อจะถูกบันทึกไว้บัญชีหนังหมา นอกจากนี้การเสด็จลงมาของพระอินทร์จะเป็นนิมิตบ่งบอกสภาพดินฟ้าอากาศ และทำนายปรากฏการณ์ทางสังคม เช่น หากพระอินทร์ถือจักรและหอก ถือเป็นนิมิตไม่ดี อาจเกิดเภทภัยและการทะเลาะเบาะแว้ง หากถือกาน้ำ ไม้เท้า หรือคบไฟ ถือว่าเป็นนิมิตดี ผลผลิตจะอุดมสมบูรณ์ หากทรงนาค ฝนฟ้าจะซุก แต่หากทรงครุฑ จะเกิดลมแปรปวนและเรื่องยุ่งเหยิง ประเทศพม่าจึงให้ความสำคัญต่อพระอินทร์เป็นเทพสงกรานต์ซึ่งเรียกว่า ตะจังมีง ต่างไปจากไทย ที่ให้ความสำคัญกับนางสงกรานต์ประจำปี

โมโม อาหารยอดฮิตของเนปาล

Nepal-17

พาไปเที่ยวเนปาลทั้งที  ทัวร์เนปาลจะไม่พาไปรู้จักกับโมโม ได้ยังไง ?  “โมโม”คืออะไร เป็นเพื่อนกับแต่งโม ผลไม่แถวบ้านเรารึเปล่า อันนี้ต้องไปติดตามกันเองนะจ้ะ

โมโม (ทิเบต: མོག་མོག་; Wylie : mog mog) เป็นเกี๊ยวหรือขนมจีบที่มีต้นกำเนิดในทิเบต กลายเป็นอาหารประจำชาติของชาวเนวาร์ ชาวเชอร์ปา ชาวลิมบู Gurungs และ Magars ของเนปาลและชนกลุ่มน้อยอื่น ๆ ของประเทศเนปาล คล้ายกับ buuz ของมองโกเลียและ jiaozi ของจีน คำว่า “โมโม” ในภาษาทิเบตเป็นคำยืมจากภาษาจีน mómo

โมโมมีต้นกำเนิดในทิเบต เดิมกินกับเนื้อจามรี ต่อมาได้กลายเป็นอาหารพื้นเมืองของทิเบต ภูฏาน สิกขิม เนปาล และลาดัก และยังพบได้ทั่วไปในบริเวณที่มีชาวเนปาลแพร่กระจายเข้าไป เช่น หิมาจัลประเทศ เบงกอลตะวันตกและรัฐในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย เป็นอาหารข้างถนนที่เป็นที่นิยมในเนปาล และชุมชนผู้อพยพชาวเนปาลในสหรัฐ อังกฤษ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์  

 การทำโมโม

โมโมทำด้วยแป้งอย่างง่าย บางครั้งเพิ่มยีสต์หรือผงฟูเล็กน้อยเพื่อให้เนื้อนุ่ม เครื่องปรุงที่สำคัญที่ใช้เป็นไส้ได้แก่:

เนื้อ : ไส้ทำด้วยเนื้อประเภทต่างๆ ในทิเบต เนปาลและภาคตะวันออกเฉียงเหนืออินเดีย (ที่ชาวทิเบตอพยพอยู่) เนื้อแพะ กระบือ (โมโมแบบเนวาร์) ไก่หมูและ จามรี เป็นที่นิยมมาก แม้ว่าเนื้อจามรีเป็นที่นิยมมากที่สุด เนื้อสับรวมกับส่วนผสมต่อไปนี้ : หอมหัวใหญ่ หอมแดง กระเทียมและผักชี ปรุงรสตามความชอบของแต่ละบุคคล บางคนยังใส่มะเขือเทศด้วย

ตัวเกี๊ยวเป็นชิ้นกลมแบนขนาดเล็ก ห่อเป็นรูปกระเป๋าหรือดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยว ทำให้สุกด้วยการนึ่ง อาจทอดในกระทะกะทะหรือทอดหลังจากนึ่งแล้ว กินกับซอส หรือน้ำจิ้มหลายแบบ โดยปกติจะมีพริก มะเขือเทศและกระเทียม  โมโมมังสวิรัติเป็นที่นิยมมากขึ้นในประเทศอินเดียและเนปาล  และทิง โมโม เป็นรูปแบบหนึ่งของโมโมที่ไม่มีไส้

ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสาธารณรัฐมัลดีฟส์

maldives-18

ท่านเคยสงสัยกันบ้านหรือไม่ว่าทำไมประเทศไทยจึงรู้จัก “เกาะมัลดีฟส์? มันมีที่มา มีจุดเริ่มต้นยังไง  เพราะเท่าที่ทัวร์มัลดีฟส์พอจะประติดประต่อได้ ก็เมื่อเศรษฐกิจการท่องเที่ยวช่วงหนึ่งเกิดกระแสแห่เที่ยวมายังเกาะแห่งนี้  แต่ใครหลายๆคนอาจคิดไม่ถึงว่าประเทศไทยนั้นรู้จักกับเกาะมัลดีฟส์หรือสาธารณรัฐมัลดีฟส์มาเป็นระยะเวลานานแล้ว  ไม่เชื่อมาดูหลักฐานกันเลย

ความสัมพันธ์ทางการทูต

ประเทศไทยกับสาธารณรัฐมัลดีฟส์สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตในระดับเอกอัครราชทูต เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2522 และมีความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันมาโดยตลอด ทั้งในระดับรัฐบาลและประชาชน ปัจจุบันเอกอัครราชทูต ณ กรุงโคลัมโบ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำ มัลดีฟส์ และข้าหลวงใหญ่มัลดีฟส์ประจำศรีลังกา ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตมัลดีฟส์ประจำประเทศไทย

การแลกเปลี่ยนการเยือน

ฝ่ายไทย

2123 พ.ย. 2528                ร.ต. ประพาส ลิมปะพันธ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยือนมัลดีฟส์อย่างเป็นทางการ

2124 มี.ค. 2531                นายเทอดพงษ์ ไชยนันท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเยือนมัลดีฟส์ เพื่อร่วมการประชุมเจรจาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางความร่วมมือทางวิชาการและงานพัฒนาด้านสาธารณสุข

68 เม.ย. 2543                   นายปองพล อดิเรกสาร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เยือนมัลดีฟส์อย่างเป็นทางการ

ฝ่ายมัลดีฟส์

56 และ 910 ธ.ค. 2528  ประธานาธิบดีกายูมแวะเยือนไทยตามคำเชิญฝ่ายไทย

59 มี.ค. 2533                    ประธานาธิบดีกายูมเยือนไทยเพื่อร่วมการประชุมระดับโลกเรื่องการศึกษาเพื่อปวงชน (World Council on Education for All)

ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจไทย มัลดีฟส์

การค้า การค้าระหว่างไทยกับมัลดีฟส์มีไม่มากนัก โดยไทยเป็นฝ่ายเสียเปรียบดุลการค้าเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม สินค้าจากประเทศไทยเข้าสู่มัลดีฟส์มีปริมาณมากกว่าที่ปรากฏตามสถิติ เนื่องจากสินค้าไทยผ่านการ re-export ทางสิงคโปร์เป็นจำนวนมาก

สินค้าส่งออกที่สำคัญของไทย 5 อันดับแรก ได้แก่ เสื้อผ้าสำเร็จรูป รองเท้าและชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์พลาสติก ข้าว และผลิตภัณฑ์เซรามิก สินค้านำเข้าที่สำคัญจากมัลดีฟส์มีเพียงสิ่งเดียว ได้แก่ ปลาทูน่าสด แช่แข็งและแช่เย็น

การประมง ประเทศมัลดีฟส์เป็นแหล่งปลาทูน่าที่สำคัญในมหาสมุทรอินเดีย ประเทศไทยยังไม่มีการติดต่อเพื่อทำประมงร่วมกับมัลดีฟส์ ทั้งระหว่างภาครัฐบาลและเอกชน ฝ่ายไทยเคยส่งเรือวิจัยประมงของกรมประมงเดินทางไปทำการศึกษาและวิจัยด้านปลาทูน่าในมัลดีฟส์ในบางโอกาส นอกจากนี้ รัฐบาลมัลดีสฟ์ได้กำหนดเงื่อนไขที่จะเข้าไปจับปลาในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของมัลดีฟส์ เช่น ต้องเสียค่าใบอนุญาต (license fee) ต้องจับปลาห่างฝั่งอย่างน้อย 75 ไมล์ และให้ผู้ได้รับอนุญาตจับปลาได้ไม่เกินปีละ 1.5 หมื่นตัน รวมทั้งทางการมัลดีฟส์ยังกำหนดให้ใช้วิธีการจับปลาแบบดั้งเดิมอีกด้วย

ความตกลงทวิภาคีไทย มัลดีฟส์ ความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศไทย มัลดีฟส์ ลงนามเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม2532 ที่กรุงเทพฯ กำหนดให้สายการบินของแต่ละฝ่ายดำเนินบริการเดินอากาศในแต่ละทิศทาง โดยไม่จำกัดแบบของอากาศยาน ปัจจุบันมีสายการบินบางกอกแอร์เวย์สของประเทศไทยเปิดบริการเดินอากาศระหว่าง กรุงเทพฯ มัลดีฟส์ ด้วยเครื่องบินแอร์บัส เอ 320 ไป-กลับ 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์

ความร่วมมือทางวิชาการ ในการประชุมความร่วมมือทางวิชาการไทย มัลดีฟส์ (Thai – Maldives Joint Commission on Economic and Technical Cooperation) ณ กรุงมาลี เมื่อปี 2535 และ 2536 รัฐบาลไทย (โดยกรมวิเทศสหการ) เริ่มให้ความช่วยเหลือแก่มัลดีฟส์อย่างจริงจัง ทั้งทางด้านสาธารณสุข ประมง เกษตร การท่องเที่ยว การบิน การให้ทุนศึกษาในระดับอุดมศึกษาในประเทศไทยแก่นักเรียน/นักศึกษามัลดีฟส์ รวมทั้งจัดส่งผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตเวชและการแพทย์ไปฝึกอบรมเจ้าหน้าที่มัลดีฟส์ตามโครงการ Thai Aid Programme โครงการ Third Country Training Programme และข้อตกลงในกรอบของความร่วมมือทางวิชาการ ฝ่ายไทย โดยกรมวิเทศสหการได้ให้ความช่วยเหลือ/ความร่วมมือทางวิชาการอย่างเป็นระบบมากขึ้น โดยจัดทำกรอบของแผนการให้ความช่วยเหลือ/ร่วมมือทางวิชาการ 3 ปี ระหว่างปี 2539-2541 และได้ขยายแผนดังกล่าวออกไปอีก 3 ปี ระหว่างปี 2542-2544